วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ความรู้ทั่วไป

การเกิดของน้ำ
เมื่อผิวโลกยังร้อนอยู่ ก็ถูกห่อหุ้มด้วยกลุ่มเมฆของก๊าซต่างๆซึ่งอาจกินเวลานานนับเป็นล้านปีที่ผิวโลกมีเมฆก๊าซเหล่านี้ปกคลุมดำทมึนอยู่โดยรอบ ต่อมาเมฆก๊าซก็ค่อยๆเย็นลงตามลำดับ การรวมตัวของก๊าซบางอย่างที่พอเหมาะกับสัดส่วน จะทำให้เกิดละอองไอน้ำขึ้นในอากาศ เมื่อเย็นลงก็เริ่มจับเป็นหยดน้ำและตกลงมาเป็นฝน เมื่อฝนตกลงมากระทบกับผิวโลกที่ยังร้อนนะอุอยู่ ก็กลายเป็นไอน้ำลอยขึ้นไปรวมตัวกับเมฆดำทมึนเหล่านั้นอีก เมื่อผิวโลกเย็นลงมาอีกฝนที่ตกลงก็ค่อยๆมีปริมาณเหลืออยู่บนโลกบ้าง ระเหยกลับขึ้นไปในอากาศอีกครั้งบ้าง ครั้นฝนตกลงมาเรื่อยๆปริมาณของน้ำฝนที่ตกลงในที่สูงของแผ่นดินซึ่งต่อมาเราเรียนว่าภูเขานั้น จะไหลลงสู่ที่ต่ำเบื้องล้างและขังอยู่ตามแอ่งของผิวโลกคล้ายกลับสระมหึมา
เมื่อฝนค่อยเบาบางลง เมฆหมอกที่หนาทึกก็ค่อยๆจางลงไป น้ำฝนที่ตกลงมาสะสมมากเข้าก็ทำให้เกิดมหาสมุทร เมื่อต้องแสงแดดก็ทอแสงเป็นประกายระยิบระยับสวยงามยิ่ง
เวลาได้ผ่านไปนานหลายปี กว่าผิวโลก มหาสมุทร และทะเลต่างๆ จะปรากฏออมมาให้เห็นเช่นทุกวันนี้ นันแต่ยุคฝนตกใหญ่ และมีน้ำท่วมผิวโลก ทำให้พื้นผิวของโลกมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอีกนับครั้งไม่ถ้วน บางส่วนที่เคยเป็นพื้นดินกลับยุบตัวลึกลงเป็นทะเลหรือมหาสมุทรไป และส่วนที่เคยจมน้ำอยู่บางส่วน ก็ถูกดันให้ปูดนูนสูงขึ้นมาพ้นผิวน้ำ ริมแผ่นดินที่จดขอบน้ำอันเป็นฝั่งมหาสมุทรก็เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ ทำให้มีลักษณะเว้าๆแหว่งๆ ดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ที่มา หนังสือโลกของเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น